วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2554

PODCAST หนึ่งในกุญแจแห่งความสำเร็จของสื่อใหม่

“ยุคของสื่อที่เป็นสื่อ สารมวลชนกำลังจะหมดไป และ ยุคของสื่อชนิดใหม่กำลังก้าวเข้ามา การเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และเป็นที่รู้จักคุ้นเคยดีในหมู่วัยรุ่นหนุ่มสาว โดยเฉพาะประเทศที่ร่ำรวย ” ที่มา นิตยสาร THE ECONOMIST  
 
ที่มาของคำกล่าวนี้ เนื่องจากในปัจจุบันเรากำลังอยู่ในยุคของ Internet หรือ บ้างก็เรียกว่ายุค Broadband อันเป็นคำเรียกขานยุคของสื่อชนิดใหม่นี้เอง  ซึ่งวัฒนธรรมที่แตกต่างจาก ยุคของสื่อสารมวลชนดั้งเดิมก็คือ ผู้รับสื่อไม่ใช่เป็นเพียง “ผู้บริโภค” สื่อแต่เพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น  แต่ยังเข้าไปมีส่วนร่วมในสื่อนั้นๆด้วย เช่นการโหวตให้คะแนน เพื่อจัดอันดับ ภัตตาคาร หรือ ภาพยนตร์ที่ชื่นชอบ  การส่ง home video ที่ผลิตขึ้นเอง ลงใน Internet หรือแม้แต่การเข้าไปทำหน้าที่เป็นสื่อเสียเองด้วย tools ต่างๆ   ซึ่งจากการสำรวจของ Pew Internet & American Life Project   เมื่อเดือนพฤศจิกายน 
ปี 2548 พบว่าร้อยละ 57 ของวัยรุ่นอเมริกันเป็นผู้สร้างเนื้อหาต่างๆบน Internet ไม่ว่าจะเป็น ข้อความ รูปภาพ ดนตรี ไปจนถึง video  

จาก Business Model ของสื่อสารมวลชนแบบดั้งเดิม คือการรวบรวม ผู้รับสื่อให้ได้กลุ่มที่ใหญ่ที่สุด 
เพื่อสร้างผู้รับชมโฆษณาให้มากที่สุด นั้นคือการสร้างเนื้อหาที่เป็นที่นิยมโดยรวม  อันเป็นที่มาของรายได้หลักของสื่อแบบดั้งเดิมนี้ นั่นก็คือรายได้จากการโฆษณา  ดังนั้นผลลัพธ์จากการแข่งขันที่เห็นก็คือ บริษัทสื่อยักษ์ใหญ่ทีมีเงินทุนมหาศาลอยู่ไม่กี่ราย  
ซึ่งแย่งชิงกลุ่มผู้รับสื่อ  แต่ในยุคของสื่อชนิดใหม่นี้  สิ่งที่สำคัญก็คือการที่ผู้บริโภค ได้มีส่วนร่วมกับสื่อนั้นๆ  และ นั่นคือ 
สื่อยุคใหม่จะต้องตอบสนองความต้องการเฉพาะของผู้บริโภคแต่ละคนได้   นั่นก็คือ ในสื่อนั้นๆต้องมีเรื่องที่หลากหลายอันมาจากการมีความรู้เกี่ยวกับกิจกรรม ของผู้บริโภคเพื่อให้สามารถดึงดูด ผู้บริโภคให้แวะเวียน เข้ามาใกล้ชิดและมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น เป็นการเพิ่มมูลค่าของสื่อ และสามารถทำให้ผู้บริโภค ได้รับโฆษณาที่ตรงกับความต้องการ ซึ่งก็คือ Business Model ที่สร้างกำไรแก่ บริษัทสื่อยุคใหม่นี้ ดังนั้น บริษัทสื่อยุคใหม่ นั้นจึงไม่จำเป็นจะต้องเป็นบริษัทใหญ่โต หรือ อาจเป็นบุคคลเพียงคนเดียวก็ยังได้(ในช่วงเริ่มต้น) แต่ลักษณะแตกต่างที่สำคัญก็คือ การมีปฏิกิริยาต่อกันในทางร่วมมือกันมากกว่าแข่งขัน และ การสื่อสารที่เน้นในลักษณะ “การสนทนา” มากกว่า “การสั่งสอน” เหมือนในสื่อแบบเก่า เช่นแม้แต่ Google ที่เป็นตัวอย่างหนึ่งของ 
สื่อยุคใหม่ที่ประสบความสำเร็จ ก็เริ่มจาก 2 นักศึกษาผู้คิดค้น  Larry page และ Sergey Brin กับ พนักงาน 4 คน และ office ที่อยู่ในโรงรถ แต่ก็กลายมาเป็น Search Engine ที่ผู้คนนิยมและแวะเวียนเพื่อมาหาข้อมูล Linkจากแหล่งที่พวกเขาต้องการ มากที่สุด
 
แต่ที่กล่าวมาเป็นเพียง จุดเริ่มต้นของสื่อยุคใหม่เท่านั้น  เนื่องมาจาก tools ใหม่ๆที่เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ ทำให้การที่ผู้บริโภค ได้มีส่วนร่วมกับสื่อเริ่มจะชัดเจนและมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ  จนถึงขั้นที่สามารถสร้างสื่อส่วนตัวขึ้นมาได้ เช่น weblog ที่ทำให้ผู้บริโภคสามรถสร้างสื่อส่วนตัว online ได้อย่างน่าอัศจรรย์ หรือ ที่จะกล่าวในบทความนี้ก็คือ Podcast ที่ สามารถจะทำให้ ผู้บริโภคสร้าง สถานีวิทยุส่วนตัวขึ้นมาได้ อันเป็นที่มาของโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ หรือ นำมาประยุกต์ใช้ในองค์กรได้ดังที่จะกล่าวต่อไป
 

มาทำความรู้จัก PODCAST กัน


ในช่วงปลายปี 2004 ได้เกิดศัพท์คำใหม่ขึ้นในวงการ Internet ที่เหล่าบรรดาเว็บไซต์สื่อต่างๆ ให้ความสนใจกันอย่างมาก และเพียงแค่ปีเดียวที่ทั่วโลกได้รู้จักคำๆ นี้ ความแรงของมันทำให้พจนานุกรมอย่าง New Oxford American Dictionary ถึงกับยกให้เป็น “คำศัพท์ที่น่าสนใจแห่งปี 2005” พร้อมทั้งใส่ความหมายของมันเข้าไปในพจนานุกรมฉบับที่จะตีพิมพ์ในปี 2006 อีกด้วย 
 
 ศัพท์คำที่ว่านี้ก็คือ Podcast ออกเสียงว่า “พอดแคสต์” ซึ่งความหมายในดิกชันนารีเล่มใหม่ของOxford แปลว่า “การบันทึกโปรแกรมรายการวิทยุ หรือใกล้เคียงกันในรูปแบบดิจิตอล โดยทำให้มันสามารถเข้าไปอยู่ในอินเทอร์เน็ต เพื่อดาวน์โหลดไปยังเครื่องเล่นAudio ส่วนบุคคลได้” ฟังดูก็ง่ายดี แต่จริงๆ แล้ว “ Podcast ” มีความหมายและรายละเอียดที่ลึกซึ้งกว่านั้น
 
Podcasting   คือ การให้บริการบน World Wide Web ในรูปแบบของการเผยแพร่กระจายเสียง (File Audio) โดยเปิดโอกาสให้ใครก็ได้ที่มีคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์Digital Media Player สามารถดาวน์โหลดและรับฟังข่าวสารจากเครื่องเล่นได้ทุกที่ทุกเวลาที่ต้องการ ส่วนคำว่า Podcast จะหมายถึง “Content Audio ” (เนื้อหาที่อยู่ในรูปของข้อมูลที่เป็นเสียง) ที่จัดทำขึ้นไว้บนอินเทอร์เน็ต เพื่อให้ดาวน์โหลดอัตโนมัติไปยังคอมพิวเตอร์หรือเครื่องเล่น MP 3 Podcasting เป็นคำผสมที่มาจากคำว่า iPod เครื่องเล่นเพลงดิจิตอลยอดนิยมของบริษัท Apple (ปัจจุบันจำหน่ายไปทั่วโลกแล้วกว่า 30 ล้านเครื่อง) กับคำว่า Broadcasting  หรือ ซึ่งหมายถึงการกระจายเสียง โดยบรรดาเจ้าของ iPod จะเล่นPodcast บนเครื่องเล่นของเขา แต่อย่างไรก็ตามPodcast สามารถนำไปเล่นบนเครื่องเล่นaudio รุ่นใดก็ได้ หรือจะใช้Media Player บนพีซีก็ไม่ผิด นั้นก็คือ ไม่จำเป็นต้องใช้ iPod เพื่อฟัง Podcast นั่นเอง
 
ซึ่งถ้าดูแบบผิวเผิน Podcast ก็มีลักษณะคล้าย Internet Radio แต่จริงๆแล้วไม่เป็นเช่นนั้น ข้อแตกต่างก็คือลักษณะการใช้งาน ได้แก่ ผู้ใช้ Podcast ไม่จำเป็นต้องเข้าไปยัง web-site ที่กำลัง on-line รายการนั้นๆ เหมือนกับ Internet radio  แต่การใช้ Podcast ผู้ใช้ จะทำการสมัคร (subscribe) ใช้บริการกับ Podcast นั้นๆ  ซึ่งมีการรวบรวมเนื้อหาไว้เป็นหมวดหมู่ทำให้สามารถใช้ program  down load ข้อมูลเนื้อหาที่ต้องการมายังคอมพิวเตอร์ได้ทันที ไม่ต้องผ่านทาง web-site และสามรถเลือกรายการที่ต้องการฟังได้ทันที จะฟังตอนไหนก็ย่อมได้ ซึ่งแตกต่างจาก Radio ที่เราต้องกังวลกับช่วงเวลาของรายการที่ออกอากาศ ซึ่งเราสนใจ แต่ไม่สะดวกที่จะรับฟังในเวลานั้น ซึ่งหัวใจสำคัญของ Podcast ที่ทำให้มันแตกต่างจาก Internet Radio ได้แก่ การใช้งานร่วมกับ RSS *(Really Simple Syndication)  ซึ่งเป็นตัวที่ช่วยในการ update หัวข้อและบทสรุปของเนื้อหา (Content) ต่างๆ อัตโนมัติ โดยผู้ใช้ไม่ต้องเข้าไปยัง web-site เพื่อ download มาเองทั้งหมด   สำหรับโปรแกรมที่ใช้ download ที่เป็นที่นิยมก็หนีไม่พ้น iTunes ของ บริษัท Apple ซึ่งใช้งานง่าย และไม่เสียค่าใช้จ่าย สำหรับในปัจจุบัน Podcast ที่ให้บริการส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษอยู่ เช่น
www.ipodder.org , www.podcasters.org  , www. Podcast.net รวมถึงสำนักข่าวดังๆก็มีการให้บริการตรงจุดนี้ www.cnn.com , www.bbc.com , www.abcnews.com   แต่ก็เริ่มมี Podcast ที่เป็นภาษาไทยบ้างแล้ว เช่น DualGeek (www.dualgeek.com
 


จุดสำคัญอีกประการคือ ผู้ใช้ สามารถ ทำหน้าที่เป็นสื่อ หรือเป็น Podcaster เองได้ โดยการ การทำ  audio content ของตนเองเก็บใส่ไว้ใน web-site หรือ weblog ของตนเองได้ หรือ หากต้องการให้ content ของเราสามารถใช้ในวงกว้างได้ ก็สามารถสมัครสมาชิกกับ iTune เพื่อ upload content ของเราให้สมาชิกคนอื่นนำไปใช้ได้  ซึ่งอุปกรณ์เพิ่มเติมที่ต้องใช้ก็เป็นเพียงอุปกรณ์หลักๆ เช่น Internet , ไมโครโฟนที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ ,เครื่องบันทึกเสียง digital และ อาจรวมถึง กล้อง video ในอนาคตด้วยเนื่องจาก ปัจจุบัน เริ่มมีการให้บริการ Video Podcast ซึ่งสามารถ ช่วยให้รับชม ไฟล์ ClipVideo เพิ่มเติมได้ด้วย นอกจากแค่เสียงแล้ว ซึ่งอาศัยโปรแกรม iTunes V.6.0 นั่นเอง 
 

ผังแสดงขั้นตอนของการจัดทำ และให้บริการ Podcasting
 


 

* RSS หรือ Really Simple Syndication เป็นบริการบนเว็บไซต์ภาษา XML ใช้สำหรับดึงข่าวจากเว็บต่างๆ มาแสดงบนหน้าเว็บเพจ โดยนำมาเฉพาะหัวข้อข่าว เมื่อผู้ใช้คลิกลิงค์ก็จะแสดงรายละเอียดข่าวในเว็บต้นฉบับนั้นๆ โดยที่หัวข้อข่าวจะอัปเดทตามเว็บต้นทาง ซึ่งการดึงหัวข้อข่าวไปแสดงนั้นจะมีส่วนประกอบทั้งหมดสามส่วนคือส่วนผู้ให้ บริการดึงข่าว และส่วนผู้สร้างเว็บไซต์ใช้ทั่วไปที่ต้องการดึงข่าวไปแสดง และส่วนผู้ใช้ทั่วไป จุดเด่นของ RSS คือผู้ใช้จะไม่จำเป็นต้องเข้าไปตามเว็บไซต์ต่างๆเพื่อดูว่ามีข้อมูลอัปเด ทใหม่หรือไม่ ขณะที่เว็บไซต์แต่ละแห่งอาจมีระยะความถี่ในการอัปเดทไม่เท่ากัน บางครั้งผู้ใช้ยังอาจหลงลืมจนเข้าไปดูเนื้อหาอัปเดทใหม่บนเว็บไม่ครบถ้วน รูปแบบ RSS จะช่วยให้ผู้สามารถรับข่าวสารอัปเดทใหม่ได้โดยไม่ต้องเข้าไปดูทุกครั้งให้ เสียเวลา ได้ประโยชน์ทั้งฝ่ายผู้บริโภคและฝ่ายเจ้าของเว็บไซต์
  

Podcast กับโอกาสทางธุรกิจ และการใช้เป็นเครื่องมือในองค์กร


Podcast สามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือสื่อสารขององค์กร ระหว่างบริษัท หรือ พนักงานกับกลุ่มลูกค้าได้ เช่นกรณีของ IBM ได้มีแผนการที่จะใช้ Podcast บน web-site ของบริษัทเพื่อเป็นเครื่องมือในการสื่อสารข้อมูลทางการเงิน และประเด็นร้อน สู่นักลงทุน และผู้บริโภค , หรือจาก web-site อย่าง EarningsCast.com ก็ให้ข้อมูลรายงานผลประกอบการรายไตรมาสของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ในรูปแบบ ของ Podcast ซึ่งนักลงทุนสามารถเลือกรับฟังได้ ซึ่งถือเป็นการใช้ Podcast เพื่อเป็นประโยชน์ในการเทรดหุ้นของบริษัท นอกจากนี้ จากรายงานของ บริษัทวิจัยตลาดระดับโลกอย่าง Gartner  ระบุว่า บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่อย่าง General Motorsและบริษัทเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่อย่าง Pepsico ต่างก็มีแผนที่จะทำ web-site Podcast ของตนในอนาคตทั้งสิ้น ซึ่งตัวอย่างการใช้งานของ 2 บริษัทนี้ เช่น ทาง GM อาจใช้ Postcast เก็บเสียงของ Bob Lutz เพื่ออธิบายแนวคิดของรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดของค่าย หรือ Pepsi สามารถใช้ Podcast  เป็นเครื่องมือทำ campaign ทางการตลาดได้
 
Podcast สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการสื่อสารภายในองค์กรกันก็ย่อมได้  เช่น การเก็บข้อมูลผลการประชุม หรือ วาทะสำคัญที่ผู้บริหารต้องการสื่อให้พนักงานองค์กรได้รับทราบ ผ่านทาง Podcast ขององค์กรได้ แต่สิ่งที่ต้องคำนึงคือ ข้อมูลเหล่านี้บางส่วน ไม่ควรให้บุคคลภายนอกรับรู้เนื่องจากเป็นข้อมูลภายในของกิจการ จึงจำเป็นต้องมี security และการทำ access authorization ที่เหมาะสม 
 
Podcast สามารถนำมาใช้กับในส่วนของ Human resource ในองค์กรได้ด้วย ในรูปของสื่อที่ใช้ Publishing แก่พนักงานในองค์กร หรือแม้กระทั้งใช้เป็นสื่อในการ Training แทนการเข้าอบรม ณ สถานที่จริง โดยพนักงานสามารถ ใช้ข้อมูล Podcast นี้  ในการ training Module ที่จำเป็นได้ทุกที่ทุกเวลาตามความเหมาะสมของตัวพนักงานเอง ซึ่งสร้างความสะดวก และช่วยแก้ปัญหาพนักงานไม่อยากเข้า training เนื่องจากรบกวนเวลาทำงาน นอกจากนี้สำหรับสถานศึกษาก็สามรถนำมาประยุกต์เป็น สื่อการสอน On-line โดยนักศึกษาสามารถเลือกฟังเนื้อหาวิชาที่ทำการสอนต่างๆ ผ่านทาง Podcast ของสถานศึกษานั้นได้ เพื่อประโยชน์ในการทบทวน หรือ เพื่อศึกษานอกเวลา
 
Podcast  ได้เป็นตัวสร้างรายได้จาก sponsor  โดยปัจจุบันก็มีตัวอย่างให้เห็นจาก การ โปรโมท The Paris Hilton Podcast ซึ่งเข้าไปโปรโมทอย่างหนักหน่วง ใน Adam Curry ‘s podcast และ Podcast directory อื่นๆ  , Reel Reviews Radio ซึ่งเป็น Podcast  ที่เน้นไปในเรื่อง review ภาพยนตร์ต่างๆ ก็ได้รับการ Sponsor จาก An insurance brokerage สำหรับ Podcast ยอดนิยมอีกตัวคือ IT Conversation ก็ได้รับ Sponsor จาก a hosting company เพื่อให้โปรโมท Go To Meeting แต่สิ่งสำคัญที่ท้าทายเพื่อการนี้คือ ต้องระบุจำนวนผู้ฟังที่แท้จริงใน Podcast นั้นให้ได้ และ รู้ Demographic ที่แท้จริงของผู้ฟังเหล่านั้น เพื่อดึงดูด sponsor ให้ได้

จากความนิยมใน Podcast  ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในทุกวันนี้  ก็เป็นโอกาสอันดีของผู้ผลิตอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อให้รองรับกับการใช้ Podcast ได้ดียิ่งขึ้น เช่น  Microphone , mixer ตัว processor อันรวมไปถึงการพัฒนา software ด้าน sound ต่างๆด้วย  อีกทั้งเป็นโอกาสให้ บริษัท Hosting ต่างๆ ซึ่งมีรายได้จาก การให้เช่าพื้นที่  มีรายได้เพิ่มขึ้น ก่อให้เกิดการพัฒนาของ  searching ที่ดีขึ้นเหมาะกับ Podcast มากขึ้น และรวมไปถึง ผู้ผลิต hardware ต่างๆที่จะออกผลิตภัณฑ์ที่รองรับ กับ Podcast ได้เหมาะสมยิ่งขึ้น และมีราคาถูกลงในอนาคต
 

ข้อจำกัดของ Podcast
 
ข้อจำกัดของ Podcast คือถูกมองว่าเป็นช่องการทางการสื่อสารเฉพาะกลุ่มและมีความเป็นสังคมน้อยที่ สุดในบรรดาสื่อยุคใหม่ด้วยกันเช่น Weblog , Wikipedia ฯลฯ เนื่องจาก ในการใช้งานจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ที่เหมาะสม ที่เห็นได้ชัดคือ Internet ความเร็วสูง และตัว Podcast เองไม่สามารถเชื่อมต่อกับ Podcast ชิ้นอื่นได้เหมือนสื่อตัวอื่นๆ  แต่ในอนาคตปัญหาด้านข้อจำกัดการใช้งานเนื่องจากจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ที่เหมาะ สมจะหมดไปเนื่องจากในอนาคต อุปกรณ์เหล่นนั้นจะมีราคาถูกลงรวมถึง Internet ความเร็วสูงด้วย เนื่องมาจากปริมาณผู้ใช้ที่เพิ่มมากขึ้น  ส่วนข้อจำกัดด้านความเป็นสังคมนั้น ขึ้นอยู่กับการนำไปประยุกต์ใช้มากกว่า  ส่วนผลกระทบของ Podcast ที่มีต่อสื่อยุคเก่า อันได้แก่รายการวิทยุแบบดั้งเดิม  จะส่งผลให้ ผู้จัดรายการต้องปรับตัวทั้งทางด้านเนื้อหาให้น่าฟังมากยิ่งขึ้น และลดช่วงเวลาโฆษณาคั่นรายการลง เพื่อที่จะสู้กับ Podcast ที่ผู้ฟังสามรถเลือกช่วงเวลาในการฟังเมื่อไรก็ได้ หรืออาจจะหันมาทำรายการ Podcast เสียเองด้วย
 
_________________________________________________

เอกสารอ้างอิง
- Position magazine (มีนาคม 2549 ) Podcasting…ไม่ยากสักหน่อย โดย มานิตา เข็มทอง
- Position magazine (มิถุนายน 2549 ) ปฏิวัติสื่อสารมวลชนยุคใหม่
- IT Digest  vol.2 No5 (1 Mar.2005)  Podcasting เทคโนโลยีใหม่บน Net Radio
-
www.Phpconcept.com  PODCAST สื่อยุคใหม่ โดย wachira
-
www.Thaiipod.net Podcasts (พอดแคส์ท)
-
www.arip.co.th    ศัพท์ไอทีน่ารู้ : Podcasting
-
www.arip.co.th   ARip RSS Feeds
-
www.digitalpodcast.com  The Podcast Value Chain Report

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น